ครอบครัวของจันทร์เจ้ามีทั้งหมดสี่คน
แม่ของจันทร์เจ้าเป็นคนใจดี ส่วนพ่อเป็นคนอบอุ่น
แต่พี่ตะวันไม่ค่อยเหมือนพี่คนอื่นสักเท่าไหร่
พ่อกับแม่บอกจันทร์เจ้าว่าพี่ตะวันมีภาวะสมาธิสั้น
มักมีปัญหาในการควบคุมพฤติกรรมของตนเอง
จึงขอให้จันทร์เจ้าพยายามทำความเข้าใจ
ว่าพี่ตะวันไม่ได้จงใจที่จะแกล้งหรือไม่รักจันทร์เจ้า
จันทร์เจ้าพยายามเข้าใจ
แต่บางครั้งพี่ตะวันก็ทำให้เธออดโมโหไม่ได้
พวกเรามีกันแค่สองพี่น้อง
เมื่ออยู่บ้านจึงเล่นด้วยกันตลอด
แต่บางครั้งพี่ตะวันก็เล่นแรงเกินไป
เวลาเล่นวิ่งไล่จับก็ทำให้จันทร์เจ้าเจ็บตัวอยู่บ่อย ๆ
จนจันทร์เจ้าไม่อยากเล่นด้วย
บางครั้งพี่ตะวันชอบเล่นแผลง ๆ ชอบปีนกำแพง
ปีนต้นไม้หน้าบ้าน กระโดดบนโซฟา
บางครั้งปีนขึ้นไปสูงจนจันทร์เจ้ากลัวแทน
เมื่อก่อนพี่ตะวันยังไม่ได้รักษาภาวะสมาธิสั้น
พี่ตะวันมักจะถูกตำหนิบ่อย ๆ เพราะทำงานไม่เสร็จ
ไม่ค่อยปฏิบัติตามกฎในโรงเรียน และมีปัญหาในการเข้ากับเพื่อน
เพราะฉุนเฉียวง่าย
เพื่อนที่โรงเรียนบางคนชอบแอบหัวเราะพี่ตะวันลับหลัง
จันทร์เจ้าสงสารพี่สาว
แต่บางครั้งจันทร์เจ้าก็ไม่อยากให้ใครรู้
ว่าตัวเองเป็นน้องของพี่ตะวัน
คุณครูประจำชั้นเคยบอกคุณแม่ว่าพี่ตะวันไม่ค่อยตั้งใจเรียน
ชอบลุกเดินไปมา หากไม่เดินก็จะพูดแทรกเวลาครูสอน
แต่เวลาทำกิจกรรมที่ได้ลงมือปฏิบัติ
พี่ตะวันจะทำได้ดีและมักจะมีความคิดแปลกใหม่อยู่เสมอ
มีแค่วิชาประวัติศาสตร์เท่านั้นที่พี่ตะวันจะกระตือรือร้น
ยกมือตอบคำถามคุณครูได้ตลอด
จันทร์เจ้าต้องช่วยเหลือพี่ตะวันอยู่บ่อยครั้ง แม้จะอยู่คนละชั้นเรียน
ทุกวันก่อนกลับบ้าน จันทร์เจ้าจะต้องช่วยเตือนพี่ตะวัน
ว่าลืมกระติกน้ำหรือเปล่า จดการบ้านหรือยัง
เวลากลับจากบ้านแม่จะตรวจดูของในกระเป๋าของพี่ตะวันเสมอ
หากพี่ตะวันไม่ทำของหายในวันนั้น
แม่จะให้รางวัลเช่น คำชม ขนม เพิ่มเวลาดูทีวี
จันทร์เจ้าไม่เคยทำของหาย แต่ไม่เคยได้รางวัลเลย
จันทร์เจ้าโมโหทุกครั้งที่พี่ตะวันเลือกแต่การ์ตูนที่ตัวเองอยากดู
ทั้ง ๆ ที่ตกลงกันแล้วว่าจะผลัดกันเลือก
พอไม่ได้ดั่งใจพี่ตะวันก็จะเริ่มหงุดหงิดและหาเรื่องว่าจันทร์เจ้า
พี่ตะวันทำเงินหายบ่อย ทำของหายก็บ่อย
หลายครั้งหยิบเครื่องเขียนของจันทร์เจ้าไปใช้ก็ทำหาย
จันทร์เจ้าเสียดายปากกาสวย ๆ
ไม่อยากให้พี่ตะวันยืมของเลย
“ที่พี่ตะวันทำของหายบ่อย ๆ
เป็นอาการหนึ่งของภาวะสมาธิสั้นนะลูก
พี่ตะวันขาดสมาธิเลยเตือนตัวเองไม่ได้ว่าของอยู่ครบไหม”
แม่บอกกับจันทร์เจ้า
พี่ตะวันมักจะมีเรื่องทะเลาะกับเพื่อนที่มาเล่นด้วยกันที่บ้าน
เพราะเพื่อนไม่ตามใจพี่ตะวัน
“ลูกเข้าใจพี่ตะวันเขาหน่อยนะ” พ่อลูบหัว
จันทร์เจ้าเข้าใจ แต่ก็อารมณ์เสียทุกครั้ง
ที่พี่ตะวันทะเลาะกับเพื่อนอยู่ดี
หลังกินข้าว พ่อกับแม่ให้เราแบ่งงานกันทำ
วันนี้จันทร์เจ้าเป็นคนเก็บโต๊ะอาหาร
ส่วนพี่ตะวันต้องล้างจาน
แต่พี่ตะวันทำเสื้อตัวเองและพื้นบ้านรอบ ๆ
อ่างล้างจานเปียกโชกเลอะไปหมด
แม่ดุและบอกให้พี่ตะวันขึ้นไปอาบน้ำ
จากนั้นขอให้จันทร์เจ้าช่วยล้างจานต่อ
จันทร์เจ้าไม่เข้าใจว่า
ทำไมต้องทำงานของพี่ตะวันด้วย
ทั้ง ๆ ที่แบ่งหน้าที่กันแล้ว
จันทร์เจ้ารู้สึกน้อยใจ
แม้เธอจะสามารถทำการบ้านได้ด้วยตนเอง
แต่บางครั้งก็อยากมีเวลาอยู่กับพ่อและแม่ตามลำพังบ้าง
จันทร์เจ้ามีเรื่องไม่เข้าใจกันกับเพื่อนที่โรงเรียนวันนี้
อยากจะปรึกษาพ่อกับแม่บ้าง
แต่ก็ไม่อยากรบกวน
พ่อกับแม่คงจะเหนื่อยกับงานประจำอยู่แล้ว
แถมยังต้องมาดูแลพี่ตะวันอีก
เธอจึงเลือกเก็บความรู้สึกอัดอั้นตันใจไว้เงียบ ๆ
จันทร์เจ้าพยายามอดทน
พยายามเข้าใจ
และรู้สึกผิดที่ต้องการความสนใจ
ทั้ง ๆ ที่พี่ตะวันน่าจะต้องการการเอาใจใส่มากกว่า
แต่จันทร์เจ้าแค่อยากเป็นที่สนใจของพ่อกับแม่เหมือนกัน
ความรู้สึกต่าง ๆ ผสมกัน
จนจันทร์เจ้าไม่รู้จะต้องทำอย่างไรไม่ให้น้ำตาไหล
“ร้องทำไม ใครแกล้งน้อง”
“เกิดอะไรขึ้นลูก ร้องไห้ทำไม”
แม่ถามจันทร์เจ้า
“มีเรื่องอะไร บอกแม่กับพ่อได้ไหมลูก”
พ่อถามต่ออย่างอ่อนโยน
แต่จันทร์เจ้าไม่รู้ว่าจะเรียบเรียงคำพูดออกมาอย่างไร
แม่จึงจับมือให้เดินออกมาคุยอีกห้องหนึ่ง
“หนูขอโทษค่ะ แม่กับพ่อบอกให้หนูอดทน ให้เป็นน้องที่ดี
แต่หนูชอบแอบโกรธพี่ตะวัน
หนูรู้ว่าพี่ตะวันต้องการให้พ่อกับแม่ช่วยมากกว่า
แต่หนูก็อยากให้แม่กับพ่อสนใจบ้าง”
“แม่กับพ่อขอโทษนะลูก
ที่บางครั้งก็ให้เวลากับพี่ตะวันมากเกินไป
แต่จันทร์เจ้าก็เป็นคนสำคัญอีกคนของพ่อกับแม่
ถ้าหนูมีปัญหาอะไรก็บอกให้พวกเรารู้ได้เสมอนะลูก
แม่ขอบใจที่ลูกช่วยเหลือพี่ตะวันเสมอ
และภูมิใจที่หนูดูแลตัวเองได้
แม่ไม่ได้คาดหวังให้ลูกรับผิดชอบพี่
หรือเสียสละมากจนเกินไป
แม่กับพ่ออยากให้ลูกทั้งสองคนมีความสุข
ในแบบที่แต่ละคนเป็น”
แม่บอกจันทร์เจ้าพลางลูบศีรษะจันทร์เจ้าอย่างเอ็นดู
“พี่ตะวันอยู่ในช่วงของการรักษา
ถ้าพวกเราช่วยกันดูแลพี่ตะวัน
อาการพี่ตะวันก็จะดีขึ้นเรื่อย ๆ จ้ะ”
แม่ยิ้มให้กับจันทร์เจ้า
“หนูรักพี่ตะวัน และก็อยากให้พี่ตะวันดีขึ้นเหมือนกันค่ะ”
จันทร์เจ้าปาดน้ำตาแล้วยิ้มตอบ
“จันทร์เจ้าเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม เดี๋ยววันนี้พี่ให้จันทร์เจ้าเลือก
การ์ตูนที่ชอบ แล้วเราดูด้วยกันนะ”
ตอนนี้จันทร์เจ้ารู้แล้วว่าพี่ตะวันก็รักและห่วงใยจันทร์เจ้าเหมือนกัน
เด็กทุกคนต้องการได้รับความสนใจจากผู้ปกครอง
จันทร์เจ้าก็เป็นเด็กทั่วไปที่ต้องการการดูแลและเอาใจ
จากพ่อกับแม่ในบางครั้งเหมือนกัน
บางครั้งจันทร์เจ้าก็อยากให้พ่อสอนการบ้าน
จันทร์เจ้าก็จะบอกพ่อโดยไม่กังวลไปเอง
ว่าจะทำให้พ่อเหนื่อยหรือหนักใจ
เดี๋ยวนี้จันทร์เจ้ากับพี่ตะวันทำข้อตกลงกันว่า
ใครทำของอีกคนหายหรือพังต้องรับผิดชอบ
โดยการให้แม่หักค่าขนมเพื่อเก็บไว้ซื้อของคืนฝ่าย
ตั้งแต่มีกฎใหม่พี่ตะวันก็ระวังเวลาการใช้และยืม
ของคนอื่นไปใช้มากขึ้น
เดี๋ยวนี้จันทร์เจ้ากับพี่ตะวันมีตารางกิจกรรมประจำสัปดาห์ด้วย
พวกเราช่วยกันกำหนดว่าวันไหนใครจะได้เลือกเกมหรือการ์ตูน
วันไหนใครต้องรับผิดชอบงานอะไร
โดยให้พ่อแม่คอยกำกับให้ทุกคนรับผิดชอบตามที่วางแผนไว้
เดี๋ยวนี้พี่ตะวันเล่นแรงน้อยลง
เพราะว่าไม่อยากให้จันทร์เจ้าร้องไห้เหมือนวันนั้นอีก
แม้บางครั้งจะเผลอเล่นแรงบ้าง
แต่จันทร์เจ้าก็จะบอกพี่ตะวันว่า
เล่นแบบนี้จะทำให้จันทร์เจ้าเจ็บ
พี่ตะวันก็จะระวังมากขึ้น
นอกจากนั้นเรายังมีกฎของสมาชิกในบ้านด้วยว่า
ห้ามตีหรือทำร้ายร่างกายกัน
ห้ามใช้คำเรียกที่ไม่เหมาะสม
ถ้าเผลอทำผิดกฎจะโดนลดเวลาเล่นเกม
หรือต้องทำงานบ้านของอีกคน
พอมีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน
พี่ตะวันก็จะระวังเวลาทำอะไรมากขึ้น
แม้จะมีข้อจำกัดบางอย่าง
แต่บางครั้งพี่ตะวันก็ทำเรื่องที่น่าทึ่งได้
การอ่านหนังสือประวัติศาสตร์
และการดูรายการประวัติศาสตร์
เป็นกิจกรรมไม่กี่อย่างที่พี่ตะวันชอบและตั้งใจทำมาก
จันทร์เจ้าลองถามอะไรพี่ก็อธิบายได้ยาวเหยียด
อธิบายได้เป็นฉาก ๆ เหมือนกับเปิดหนังสืออ่านให้ฟัง
ไม่นานมานี้คุณครูมาขออนุญาตพ่อกับแม่
พาพี่ตะวันไปแข่งตอบคำถามประวัติศาสตร์
พี่ตะวันได้รางวัลกลับมาด้วย
พี่ตะวันดูจะมีความสุขมาก
จันทร์เจ้าก็มีความสุขเหมือนกัน
แม้พี่ตะวันจะมีข้อจำกัดหลาย ๆ อย่าง
แต่ข้อจำกัดเหล่านั้นทำให้เธอกับพี่ใกล้ชิดกันมากขึ้น
พี่ตะวันชอบเล่า ส่วนจันทร์เจ้าชอบฟัง
จันทร์เจ้าเคยวาดรูปพี่ตะวันใส่ชุดฟาโรห์จากวิชาศิลปะมาให้
พี่ตะวันชอบมากจนขอให้คุณแม่นำไปใส่กรอบ
หลังกินข้าว พ่อกับแม่ให้เราแบ่งงานกันทำ
วันนี้จันทร์เจ้าเป็นคนเก็บโต๊ะอาหาร
ส่วนพี่ตะวันต้องล้างจาน
แต่พี่ตะวันทำเสื้อตัวเองและพื้นบ้านรอบ ๆ
อ่างล้างจานเปียกโชกเลอะไปหมด
ครอบครัวของจันทร์เจ้ามีทั้งหมดสี่คน
แม่ของจันทร์เจ้าเป็นคนใจดี ส่วนพ่อเป็นคนอบอุ่น
แต่พี่ตะวันไม่ค่อยเหมือนพี่คนอื่นสักเท่าไหร่
พ่อกับแม่บอกจันทร์เจ้าว่าพี่ตะวันมีภาวะสมาธิสั้น
มักมีปัญหาในการควบคุมพฤติกรรมของตนเอง
จึงขอให้จันทร์เจ้าพยายามทำความเข้าใจ
ว่าพี่ตะวันไม่ได้จงใจที่จะแกล้งหรือไม่รักจันทร์เจ้า
จันทร์เจ้าพยายามเข้าใจ
แต่บางครั้งพี่ตะวันก็ทำให้เธออดโมโหไม่ได้
พวกเรามีกันแค่สองพี่น้อง
เมื่ออยู่บ้านจึงเล่นด้วยกันตลอด
แต่บางครั้งพี่ตะวันก็เล่นแรงเกินไป
เวลาเล่นวิ่งไล่จับก็ทำให้จันทร์เจ้าเจ็บตัวอยู่บ่อย ๆ
จนจันทร์เจ้าไม่อยากเล่นด้วย
บางครั้งพี่ตะวันชอบเล่นแผลง ๆ ชอบปีนกำแพง
ปีนต้นไม้หน้าบ้าน กระโดดบนโซฟา
บางครั้งปีนขึ้นไปสูงจนจันทร์เจ้ากลัวแทน
เมื่อก่อนพี่ตะวันยังไม่ได้รักษาภาวะสมาธิสั้น
พี่ตะวันมักจะถูกตำหนิบ่อย ๆ เพราะทำงานไม่เสร็จ
ไม่ค่อยปฏิบัติตามกฎในโรงเรียน และมีปัญหาในการเข้ากับเพื่อน
เพราะฉุนเฉียวง่าย
เพื่อนที่โรงเรียนบางคนชอบแอบหัวเราะพี่ตะวันลับหลัง
จันทร์เจ้าสงสารพี่สาว
แต่บางครั้งจันทร์เจ้าก็ไม่อยากให้ใครรู้
ว่าตัวเองเป็นน้องของพี่ตะวัน
คุณครูประจำชั้นเคยบอกคุณแม่ว่าพี่ตะวันไม่ค่อยตั้งใจเรียน
ชอบลุกเดินไปมา หากไม่เดินก็จะพูดแทรกเวลาครูสอน
แต่เวลาทำกิจกรรมที่ได้ลงมือปฏิบัติ
พี่ตะวันจะทำได้ดีและมักจะมีความคิดแปลกใหม่อยู่เสมอ
มีแค่วิชาประวัติศาสตร์เท่านั้นที่พี่ตะวันจะกระตือรือร้น
ยกมือตอบคำถามคุณครูได้ตลอด
จันทร์เจ้าต้องช่วยเหลือพี่ตะวันอยู่บ่อยครั้ง แม้จะอยู่คนละชั้นเรียน
ทุกวันก่อนกลับบ้าน จันทร์เจ้าจะต้องช่วยเตือนพี่ตะวัน
ว่าลืมกระติกน้ำหรือเปล่า จดการบ้านหรือยัง
เวลากลับจากบ้านแม่จะตรวจดูของในกระเป๋าของพี่ตะวันเสมอ
หากพี่ตะวันไม่ทำของหายในวันนั้น
แม่จะให้รางวัลเช่น คำชม ขนม เพิ่มเวลาดูทีวี
จันทร์เจ้าไม่เคยทำของหาย แต่ไม่เคยได้รางวัลเลย
จันทร์เจ้าโมโหทุกครั้งที่พี่ตะวันเลือกแต่การ์ตูนที่ตัวเองอยากดู
ทั้ง ๆ ที่ตกลงกันแล้วว่าจะผลัดกันเลือก
พอไม่ได้ดั่งใจพี่ตะวันก็จะเริ่มหงุดหงิดและหาเรื่องว่าจันทร์เจ้า
พี่ตะวันทำเงินหายบ่อย ทำของหายก็บ่อย
หลายครั้งหยิบเครื่องเขียนของจันทร์เจ้าไปใช้ก็ทำหาย
จันทร์เจ้าเสียดายปากกาสวย ๆ
ไม่อยากให้พี่ตะวันยืมของเลย
“ที่พี่ตะวันทำของหายบ่อย ๆ
เป็นอาการหนึ่งของภาวะสมาธิสั้นนะลูก
พี่ตะวันขาดสมาธิเลยเตือนตัวเองไม่ได้ว่าของอยู่ครบไหม”
แม่บอกกับจันทร์เจ้า
พี่ตะวันมักจะมีเรื่องทะเลาะกับเพื่อนที่มาเล่นด้วยกันที่บ้าน
เพราะเพื่อนไม่ตามใจพี่ตะวัน
“ลูกเข้าใจพี่ตะวันเขาหน่อยนะ” พ่อลูบหัว
จันทร์เจ้าเข้าใจ แต่ก็อารมณ์เสียทุกครั้ง
ที่พี่ตะวันทะเลาะกับเพื่อนอยู่ดี
หลังกินข้าว พ่อกับแม่ให้เราแบ่งงานกันทำ
วันนี้จันทร์เจ้าเป็นคนเก็บโต๊ะอาหาร
ส่วนพี่ตะวันต้องล้างจาน
แต่พี่ตะวันทำเสื้อตัวเองและพื้นบ้านรอบ ๆ
อ่างล้างจานเปียกโชกเลอะไปหมด
แม่ดุและบอกให้พี่ตะวันขึ้นไปอาบน้ำ
จากนั้นขอให้จันทร์เจ้าช่วยล้างจานต่อ
จันทร์เจ้าไม่เข้าใจว่า
ทำไมต้องทำงานของพี่ตะวันด้วย
ทั้ง ๆ ที่แบ่งหน้าที่กันแล้ว
จันทร์เจ้ารู้สึกน้อยใจ
แม้เธอจะสามารถทำการบ้านได้ด้วยตนเอง
แต่บางครั้งก็อยากมีเวลาอยู่กับพ่อและแม่ตามลำพังบ้าง
จันทร์เจ้ามีเรื่องไม่เข้าใจกันกับเพื่อนที่โรงเรียนวันนี้
อยากจะปรึกษาพ่อกับแม่บ้าง
แต่ก็ไม่อยากรบกวน
พ่อกับแม่คงจะเหนื่อยกับงานประจำอยู่แล้ว
แถมยังต้องมาดูแลพี่ตะวันอีก
เธอจึงเลือกเก็บความรู้สึกอัดอั้นตันใจไว้เงียบ ๆ
จันทร์เจ้าพยายามอดทน
พยายามเข้าใจ
และรู้สึกผิดที่ต้องการความสนใจ
ทั้ง ๆ ที่พี่ตะวันน่าจะต้องการการเอาใจใส่มากกว่า
แต่จันทร์เจ้าแค่อยากเป็นที่สนใจของพ่อกับแม่เหมือนกัน
ความรู้สึกต่าง ๆ ผสมกัน
จนจันทร์เจ้าไม่รู้จะต้องทำอย่างไรไม่ให้น้ำตาไหล
“ร้องทำไม ใครแกล้งน้อง”
“เกิดอะไรขึ้นลูก ร้องไห้ทำไม”
แม่ถามจันทร์เจ้า
“มีเรื่องอะไร บอกแม่กับพ่อได้ไหมลูก”
พ่อถามต่ออย่างอ่อนโยน
แต่จันทร์เจ้าไม่รู้ว่าจะเรียบเรียงคำพูดออกมาอย่างไร
แม่จึงจับมือให้เดินออกมาคุยอีกห้องหนึ่ง
“หนูขอโทษค่ะ แม่กับพ่อบอกให้หนูอดทน ให้เป็นน้องที่ดี
แต่หนูชอบแอบโกรธพี่ตะวัน
หนูรู้ว่าพี่ตะวันต้องการให้พ่อกับแม่ช่วยมากกว่า
แต่หนูก็อยากให้แม่กับพ่อสนใจบ้าง”
“แม่กับพ่อขอโทษนะลูก
ที่บางครั้งก็ให้เวลากับพี่ตะวันมากเกินไป
แต่จันทร์เจ้าก็เป็นคนสำคัญอีกคนของพ่อกับแม่
ถ้าหนูมีปัญหาอะไรก็บอกให้พวกเรารู้ได้เสมอนะลูก
แม่ขอบใจที่ลูกช่วยเหลือพี่ตะวันเสมอ
และภูมิใจที่หนูดูแลตัวเองได้
แม่ไม่ได้คาดหวังให้ลูกรับผิดชอบพี่
หรือเสียสละมากจนเกินไป
แม่กับพ่ออยากให้ลูกทั้งสองคนมีความสุข
ในแบบที่แต่ละคนเป็น”
แม่บอกจันทร์เจ้าพลางลูบศีรษะจันทร์เจ้าอย่างเอ็นดู
“พี่ตะวันอยู่ในช่วงของการรักษา
ถ้าพวกเราช่วยกันดูแลพี่ตะวัน
อาการพี่ตะวันก็จะดีขึ้นเรื่อย ๆ จ้ะ”
แม่ยิ้มให้กับจันทร์เจ้า
“หนูรักพี่ตะวัน และก็อยากให้พี่ตะวันดีขึ้นเหมือนกันค่ะ”
จันทร์เจ้าปาดน้ำตาแล้วยิ้มตอบ
“จันทร์เจ้าเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม เดี๋ยววันนี้พี่ให้จันทร์เจ้าเลือก
การ์ตูนที่ชอบ แล้วเราดูด้วยกันนะ”
ตอนนี้จันทร์เจ้ารู้แล้วว่าพี่ตะวันก็รักและห่วงใยจันทร์เจ้าเหมือนกัน
เด็กทุกคนต้องการได้รับความสนใจจากผู้ปกครอง
จันทร์เจ้าก็เป็นเด็กทั่วไปที่ต้องการการดูแลและเอาใจ
จากพ่อกับแม่ในบางครั้งเหมือนกัน
บางครั้งจันทร์เจ้าก็อยากให้พ่อสอนการบ้าน
จันทร์เจ้าก็จะบอกพ่อโดยไม่กังวลไปเอง
ว่าจะทำให้พ่อเหนื่อยหรือหนักใจ
เดี๋ยวนี้จันทร์เจ้ากับพี่ตะวันทำข้อตกลงกันว่า
ใครทำของอีกคนหายหรือพังต้องรับผิดชอบ
โดยการให้แม่หักค่าขนมเพื่อเก็บไว้ซื้อของคืนฝ่าย
ตั้งแต่มีกฎใหม่พี่ตะวันก็ระวังเวลาการใช้และยืม
ของคนอื่นไปใช้มากขึ้น
เดี๋ยวนี้จันทร์เจ้ากับพี่ตะวันมีตารางกิจกรรมประจำสัปดาห์ด้วย
พวกเราช่วยกันกำหนดว่าวันไหนใครจะได้เลือกเกมหรือการ์ตูน
วันไหนใครต้องรับผิดชอบงานอะไร
โดยให้พ่อแม่คอยกำกับให้ทุกคนรับผิดชอบตามที่วางแผนไว้
เดี๋ยวนี้พี่ตะวันเล่นแรงน้อยลง
เพราะว่าไม่อยากให้จันทร์เจ้าร้องไห้เหมือนวันนั้นอีก
แม้บางครั้งจะเผลอเล่นแรงบ้าง
แต่จันทร์เจ้าก็จะบอกพี่ตะวันว่า
เล่นแบบนี้จะทำให้จันทร์เจ้าเจ็บ
พี่ตะวันก็จะระวังมากขึ้น
นอกจากนั้นเรายังมีกฎของสมาชิกในบ้านด้วยว่า
ห้ามตีหรือทำร้ายร่างกายกัน
ห้ามใช้คำเรียกที่ไม่เหมาะสม
ถ้าเผลอทำผิดกฎจะโดนลดเวลาเล่นเกม
หรือต้องทำงานบ้านของอีกคน
พอมีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน
พี่ตะวันก็จะระวังเวลาทำอะไรมากขึ้น
แม้จะมีข้อจำกัดบางอย่าง
แต่บางครั้งพี่ตะวันก็ทำเรื่องที่น่าทึ่งได้
การอ่านหนังสือประวัติศาสตร์
และการดูรายการประวัติศาสตร์
เป็นกิจกรรมไม่กี่อย่างที่พี่ตะวันชอบและตั้งใจทำมาก
จันทร์เจ้าลองถามอะไรพี่ก็อธิบายได้ยาวเหยียด
อธิบายได้เป็นฉาก ๆ เหมือนกับเปิดหนังสืออ่านให้ฟัง
ไม่นานมานี้คุณครูมาขออนุญาตพ่อกับแม่
พาพี่ตะวันไปแข่งตอบคำถามประวัติศาสตร์
พี่ตะวันได้รางวัลกลับมาด้วย
พี่ตะวันดูจะมีความสุขมาก
จันทร์เจ้าก็มีความสุขเหมือนกัน
แม้พี่ตะวันจะมีข้อจำกัดหลาย ๆ อย่าง
แต่ข้อจำกัดเหล่านั้นทำให้เธอกับพี่ใกล้ชิดกันมากขึ้น
พี่ตะวันชอบเล่า ส่วนจันทร์เจ้าชอบฟัง
จันทร์เจ้าเคยวาดรูปพี่ตะวันใส่ชุดฟาโรห์จากวิชาศิลปะมาให้
พี่ตะวันชอบมากจนขอให้คุณแม่นำไปใส่กรอบ
หลังกินข้าว พ่อกับแม่ให้เราแบ่งงานกันทำ
วันนี้จันทร์เจ้าเป็นคนเก็บโต๊ะอาหาร
ส่วนพี่ตะวันต้องล้างจาน
แต่พี่ตะวันทำเสื้อตัวเองและพื้นบ้านรอบ ๆ
อ่างล้างจานเปียกโชกเลอะไปหมด